เมื่อมีรายได้เข้าบัญชีถึงขั้นที่ธนาคารต้องส่งยอดให้กรมสรรพากรตรวจสอบนั้น แนะนำให้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ฯให้ครบถ้วนและถูกต้อง จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องภาษีในภายหลัง จากคำถามคุณเป็นพนักงานรายเดือนด้วย ก็ต้องนำเงินเดือนทั้งปีมารวมคำนวณภาษีด้วยค่ะ
รายได้ส่วนที่เหลือ 40% หลังจากหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา 60% แล้วนั้น ก็จะนำไปหักค่าลดหย่อนต่างๆ ที่ใช้สิทธิได้ตามกฎหมาย ซึ่งจะไม่มีการแจกแจงว่ามีกำไรหรือไม่? ค่ะ
หากยอดเงินกู้ดังกล่าวโอนเข้าบัญชีเงินได้ที่สรรพากรต้องตรวจสอบ ก็ควรจะมีหลักฐานการกู้ยืมดังกล่าวเก็บไว้เป็นหลักฐานยืนยันด้วยจะดีที่สุดค่ะ
จากคำถาม คนต่างชาติน่าจะเป็นพนักงานของบริษัท ซึ่งบริษัทเป็นผู้จ่ายค่าที่พักและค่าเช่ารถให้
1) บริษัทจ่ายค่าเช่าคอนโดให้แก่บุคคลธรรมดา เดือนละ 30,000 บาท แต่ผู้ให้เช่าไม่ยอมให้บริษัทหักภาษี ณ ที่จ่าย มีวิธีแก้คือ บริษัทออกภาษีแทนผู้ให้เช่าเลย แต่การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะต้องเป็นแบบ (2)ออกให้ตลอดไป โดยคำนวณดังนี้
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 30,000 x 5/95 = 1,578.95 บาท
2) บริษัทจ่ายค่าเช่ารถรายเดือนๆละ 10,000 บาท
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 10,000 x 5% = 500 บาท
กรณีที่คนต่างชาติเป็นพนักงานของบริษัท ประโยชน์เพิ่มทั้ง 2 อย่างให้ถือเป็นรายได้ประเภท 40(1) ของพนักงานต่างชาติด้วยค่ะ
ปกติผู้ส่งออกสินค้า จะต้องจัดเก็บเอกสารทางการค้าต่างๆ เพื่อประกอบกับการใช้สิทธิอัตรา 0
จากคำถามถือเป็นการส่งออกบริการ ซึ่งจะไม่มีการผ่านพิธีการทางศุลกากร
แต่เป็นการส่งออกบริการจริงก็ย่อมได้สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0
แต่จะต้องเตรียมหลักฐานต่างๆ เพื่อพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
เช่น สัญญา ใบสั่งซื้อบริการ และหลักฐานการรับชำระค่าบริการ
ซึ่งหากมีการโอนเงินจากลูกค้าเข้าบัญชีบริษัทโดยตรงก็จะเป็นหลักฐานครบถ้วนกรณีที่ถามจะไม่สามารถแสดงหลักฐานการโอนเงินจากลูกค้าโดยตรงได้
ก็ให้บันทึกรายการส่งออกบริการในรายงานภาษีขาย
บัญชีเงินสดรับหรือบัญชีรายรับค่าบริการ
เพื่อเป็นหลักฐานที่แสดงว่ารับชำระราคาค่าบริการตามสัญญาแล้วที่สำคัญคือ
เอกสารอื่นต้องสามารถพิสูจน์ต่อเจ้าพนักงานประเมินได้ว่ามีการส่งออกจริง
ก็จะมีสิทธิได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0
พนักงานออกทริปต่างจังหวัด แล้วมีการเช่ารถยนต์กับนิติบุ
ถ้าใบเสร็จค่าเช่ารถที่ได้มานั้นออกในมาบริษัทก็ต้องหัก ณ ที่จ่าย
นำส่งย้อนหลังแล้วแต่ว่าจะให้เงื่อนไขการหัก เป็นหัก ณ ที่จ่าย หรือเป็นการออกให้
แต่ถ้าไม่หัก โดยจะจ่ายตรงให้พนักงานแทนนั้น
ก็คงต้องถือเป็นประโยชน์เพิ่มที่พนักงานได้รับ
ซึ่งต้องถือเป็นรายได้เพิ่มของพนักงานค่ะ
บริษัทจดVAT จะออกใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้ายั
กรณีที่ลูกค้าส่งเงินสำรองให้บริษัทซื้อของให้นั้น
ไม่ใช่รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการของบริษัท ไม่ควรออกใบเสร็จรับเงิน
ควรออกเป็นเอกสาร ”ใบรับเงิน” ธรรมดาเพื่อเป็นหลักฐานว่ารับเงินแล้วเท่านั้น
ขอแนะนำว่า
กรณีที่เงินไม่ใช่รายได้ของบริษัทไม่ควรโอนเข้ามาในบัญชีของบริษัท
เพราะบางครั้งสรรพากรก็จะไม่เชื่อหรอกว่าเงินที่โอนมาในบัญชีไม่ใช่รายได้ของ
บริษัทหากเราพิสูจน์ไม่ได้ ก็จะกลับกลายเป็นรายได้ของบริษัทไป
บริษัทประกอบกิจการซื้อมาขายไป ต่อมามีการขายทรัพย์สิน ประเภทรถยนต์ จำนวน 1 คัน เป็นมูลค่า 900,000 บาท
แต่เนื่องจากผู้ซื้อไม่สามารถชำระได้ทั้งก้อน จึงขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนจำนวน 12 เดือน ถ้าบริษัทจึงได้มีการคิดดอกเบี้ยเป็นเงินทั้งสิ้น 60,000.00 บาท โดยทำสัญญาซื้อขายในราคา 960,000 บาท
คำถาม คือ สรรพากรจะมองในเรื่องขอดอกเบี้ยหรือไม่ครับ เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมาครับ ขอบคุณครับ
บริษัทก็ต้องรับรู้ดอกเบี้ยเป็นรายได้ตามงวดที่ผ่อนชำระด้วยค่ะ
ป้ายชื่อร้านค้า ที่ติดหน้าโครงการ ของโครงการศูนย์การค้า เช่น ป้ายของKFC ,Sizzler เป็นต้น ถือเป็นรายได้ประเภทใดของห้างร้าน
เพราะอะไร มีข้อกฎหมายอ้างอิงฉบับใดบ้างคะ
ขอบคุณค่ะ
1. ห้างฯให้เช่าที่ติดตั้งป้ายเท่านั้น โดยลูกค้าเป็นผู้ดำเนินงานติดตั้งป้าย ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กรณีนี้ ถือเป็นการให้เช่าทรัพย์สินตามมาตรา537 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งฯ ดังนั้นรายได้ของห้างฯถือเป็นรายได้ประเภท 40(5) ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/2528ฯ
2. ห้างฯเป็นผู้รับดำเนินการติดตั้งป้าย ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กรณีนี้ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการ ดังนั้นรายได้ของห้างฯถือเป็นรายได้ประเภท 40(8) ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/2528ฯ