การคำนวณกำไร(ขาดทุน)สุทธิทางภาษี
การคำนวณกำไร(ขาดทุน)สุทธิทางภาษี ตามเงื่อนไขของมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรนั้น พอจะสรุปออกมาเป็นกระดาษทำการ การคำนวณกำไรสุทธิทางภาษี และภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้ตามตัวอย่างประกอบ
เนื้อหากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตัวอย่างที่ 3 มีดังต่อไปนี้
• ค่ารับรองที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข จะนำมาหักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 0.3% ของยอดรายได้(รายได้ทางภาษี ซึ่งต้องหักรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีก่อน) หรือเงินทุน ณ วันสิ้นรอบบัญชี แล้วแต่อย่างไหนจะมากกว่า แต่สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท (มาตรา 65 ตรี(4))
• รายจ่ายเพื่อการสนับสนุนการศึกษาหรือกีฬา ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข จะนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 10%ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายการกุศลทั้งหมด (พรก. 420 พ.ศ.2547)
• การกุศลสาธารณะ และค่าบริจาคเพื่อการศึกษาหรือกีฬา กฎหมายให้หักเป็นรายจ่ายได้ 2% ของกำไรสุทธิ ก่อนหักค่าการกุศลทั้ง 2 อย่าง (มาตรา 65 ตรี(3))
• เงินปันผลที่บริษัททั่วไปได้รับจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้รับยกเว้นกึ่งหนึ่ง (มาตรา 65 ทวิ(10))
• อัตราภาษีของ SMEs (ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้าน และรายได้ไม่เกิน 30 ล้าน) ที่มีรอบบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ตาม พ.ร.ฎ. (ฉบับที่ 530) แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.ฎ. (ฉบับที่ 555) และ (ฉบับที่ 564)
เป็นดังนี้
กำไรสุทธิ 0 – 300,000 ได้รับยกเว้น
เกิน 300,000 – 1,000,000 เสียภาษี 15%
เกิน 1,000,000 ขึ้นไป เสียภาษี 20%
ตัวอย่างที่ 3.
บริษัท ดิษยไตรพงศ์ จำกัด มีทุนจดทะเบียนในวันสุดท้ายของรอบบัญชี 5 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตามบัญชีกำไรขาดทุน ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2556 ดังนี้
รายได้
รายได้จากการขาย 25,500,000
กำไรจากการขายทรัพย์สิน 340,000
ดอกเบี้ยรับ 160,000
เงินปันผล 1,000,000
รวมรายได้ 27,000,000
รายจ่าย
ต้นทุนขาย 14,000,000
เงินเดือนผู้บริหาร 2,100,000
ค่ารับรอง 130,000
ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าสำนักงาน 70,000
ค่าโทรศัพท์สำนักงาน 84,000
ดอกเบี้ยจ่าย 250,000
ค่าเบี้ยประกันภัยสำนักงาน 50,000
ค่าสอบบัญชี 25,000
ค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินสำนักงาน 1,000,000
ค่าบริจาคการกุศลสาธารณะฯ 250,000
ค่าบริจาคสนับสนุนการศึกษา 500,000
ค่าบริจาคการศึกษาหรือเพื่อกีฬา 50,000
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 91,000
รวมรายจ่าย 18,600,000
กำไรสุทธิตามบัญชี 8,400,000
ข้อมูลเพิ่มเติม:
• บริษัทถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (มาตรา 3 เตรส) จำนวนเงินรวม 100,000 บาท
• มีภาษียื่นตามแบบ ภ.ง.ด.51 จำนวน 700,000 บาท
• มีค่าเสื่อมราคารถยนต์นั่ง ที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด จำนวน 200,000 บาท
• เงินปันผลรับจากบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีระยะเวลาการถือหุ้นและโอนหุ้นครบตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
วิธีการคำนวณ : (ตามหมายเหตุ)
(1) ค่ารับรองที่หักเป็นรายจ่ายได้ = (27,000,000-500,000*) x 0.3% = 26,500,000 x 0.3% = 79,500
ค่ารับรองส่วนที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด = 130,000 – 79,500 = 50,500 (เป็นยอดที่ต้องบวกกลับ)
*เงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทจดทะเบียนฯ ได้รับยกเว้นกึ่งหนึ่ง = 1,000,000 x 50% = 500,000
(2) บวกกลับค่าบริจาคสนับสนุนการศึกษา 500,000 บาท ก่อน แล้วค่อยคำนวณภายหลัง
(3) บวกกลับค่าบริจาคการกุศลสาธารณะฯ 250,000 บาท ก่อน แล้วค่อยคำนวณภายหลัง
(4) บวกกลับค่าบริจาคการศึกษาหรือเพื่อกีฬา 50,000 บาท ก่อน แล้วค่อยคำนวณภายหลัง
(5) เงินปันผลได้รับยกเว้นกึ่งหนึ่ง = 1,000,000 x ½ = 500,000
(6) ค่าบริจาคสนับสนุนการศึกษา ที่หักเป็นรายจ่ายได้ = 8,950,500 x 10/110 = 813,681.82
– ค่าบริจาคการกุศลทั้ง 2 อย่าง ที่หักเป็นรายจ่ายได้ = 8,136,818.18 x 2/104 = 156,477.27
– นำยอดที่คำนวณได้ 156,477.27 ไปเทียบกับยอดการกุศลทั้ง 2 อย่าง ดูว่าเกินกว่าที่คำนวณได้หรือไม่ ?
(7) ค่าบริจาคการศึกษาหรือเพื่อกีฬา 50,000 บาท ต้องนำไปรวมกับค่าบริจาคสนับสนุนการศึกษา ที่เหลือจากที่หักได้ตามข้อ 6 แล้ว = 500,000 – (813,681.82/2) = 500,000 – 406,840.91 = 93,159.09
– รวมเป็นค่าบริจาคเพื่อการศึกษาหรือกีฬาทั้งสิ้น = 50,000 + 93,159.09 = 143,159.09
– จะเห็นได้ว่าไม่เกินกว่าที่คำนวณได้ ดังนั้นค่าบริจาคเพื่อการศึกษาหรือกีฬา จึงหักได้เต็มจำนวน 143,159.09
(8) ค่าบริจาคการกุศลสาธารณะ 250,000 ซึ่งเกินกว่าที่คำนวณได้ จึงต้องคำนวณยอดที่หักได้ใหม่
– ค่าบริจาคการกุศลสาธารณะ ที่หักเป็นรายจ่ายได้ = 8,136,818.18 x 2/102 = 159,545.45
(9) การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา SMEs. จากกำไรสุทธิทางภาษี 7,834,113.64 บาท
300,000 X ได้รับยกเว้น = 0
700,000 X 15% = 105,000
6,834,113.64 X 20% = 1,366,822.73
รวมภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งสิ้น = 1,471,822.73